สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา กรณีที่เจ้าของแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอก และแม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้งได้ เข้าติดตามความคืบหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากพัฒนาชุมชนจังหวัดและประธานกรรมการตลาด สั่งห้ามไม่ขายลูกชิ้นปิ้งของแฟรนไชส์ดังกล่าว ภายในตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้ แต่ไม่มีความคืบหน้า และไม่มีคำตอบ จึงเกิดน้อยใจ พร้อมนำลูกชิ้นและน้ำจิ้ม ไปเททิ้ง บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนกระทั่งเกิดเป็นกระแสข่าวโด่งดังตามสื่อต่างๆนั้น
วันที่ 21 ธันวาคม 2566 : ที่กระทรวงมหาดไทย : น.ส.น้ำค้าง ทรัพย์ศรี แม่ค้า พร้อมด้วย น.ส.ธนญา สุขธนะประเสริฐ เจ้าของแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอก เข้าพบ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกพัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และประธานกรรมการตลาด กลั่นแกล้ง สั่งห้ามไม่ให้ขายลูกชิ้นปิ้งของแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอก ในตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้ (ตลาดริมอ่าว) อ้างว่าแม่ค้าทำผิดกฏของตลาด โดยไม่แจ้งเปลี่ยนสินค้า
ขณะรับเรื่อง นายชาดา รมช.มท.ในฐานะกำกับดูแลกรมพัฒนาชุมชน ได้ต่อสายตรงไปยัง พัฒนาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสอบถามเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกำชับให้มีความยุติธรรมกับประชาชนต้องไม่ถูกรังแกเพราะประชาชนคือนายเรา และให้หาข้อยุติเรื่องของแม่ค้า ให้เขากลับไปขายของในตลาดเหมือนเดิม ให้เขามีช่องทางในการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงดูลูก และครอบครัว ส่วนเรื่องของ น.ส.ธนญา สุขธนะประเสริฐ เจ้าของแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอก ที่มีข้อพิพาทกันก็ต้องเรียกทุกฝ่ายมาใกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกัน เพราะทาง น.ส.ธนณาฯ เองธุรกิจที่ทำก็ต้องไปต่อ พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ด้าน น.ส.น้ำค้าง หรืออ้อย ซึ่งเป็นแม่ค้า ยืนยันว่า ไม่เคยทำผิดกฎของตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเอง เคยขายบาบีคิวปิ้งในตลาดที่เปิดขายทุกวันศุกร์และเสาร์ แต่ขายไม่ดี จึงเปลี่ยนมาขายลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอก ซึ่งกำลังเป็นกระแส ตนเองได้ซื้อแฟรนไชส์และนำไปขายได้กำไรหลายหมื่นบาท จนสามารถปลดหนี้ได้ หลังขายได้ 1 สัปดาห์ มีหนังสือจากพัฒนาชุมชนจังหวัด ว่าไม่ได้แจ้งเปลี่ยนสินค้าที่จะขาย จึงหยุดขาย 1 อาทิตย์ และกลับมาขายต่ออีก 3 อาทิตย์ หลังจากนั้นได้รับหนังสือให้ถอนร้านค้าออกไป ไม่ให้นำมาขายในตลาดอีก ปัจจุบัน ตนเองไม่ได้ขายลูกชิ้นมาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน ทำให้ขาดทุนค่าเสียโอกาสไปจำนวน 80,000 บาท ซึ่งมีภาระหนี้สินตลอดจนต้องดูแลครอบครัว ลูกๆก็ต้องเรียนและเคยคิดจะฆ่าตัวตายมาแล้ว ซึ่งมี น.ส.ธนญา เจ้าของแฟรนไชส์นี่แหละที่ลงมาช่วยปลอบใจและมาช่วยแก้ปัญหารวมทั้งมาช่วยต่อสู้ขอความยุติธรรมครั้งนี้
ด้าน น.ส.ธนญาฯ เจ้าของแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอก เปิดเผยว่า ตนเองก็ไม่เคยทำผิดกฎของตลาด ปัญหาเรื่องที่ พช.ปจ.และประธานกรรมการตลาดสั่งห้ามไม่ให้แม่ค้านำ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอกไปขายในตลาดโดยกล่าวอ้างว่าสินค้าถูกแบรนด์และติดแบล็คลิส ตนเองจึงทำหนังสือไปยื่นขอคำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีคำตอบใดๆที่ชัดเจน แค่กล่าวอ้างว่าแม่ค้าทำผิดกฏตลาดว่าไม่แจ้งเปลี่ยนสินค้าและนำเอกสารถูกเพิกถอนไม่ให้ขายไปโพสต์ในเฟสบุ๊กและในสื่อต่างๆทำให้ตลาดเสื่อมเสีย ความจริงที่เกิดขึ้น คือแม่ค้าแค่น้อยใจจึงนำเอกสารไปโพสต์เฟสบุ๊กจริงแต่ไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะรวมทั้งไม่ได้ลงสื่อต่างๆตามที่ถูกกล่าวหา และประเด็นที่บอกว่าห้ามขายของแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง น้ำจิ้มผีบอกในตลาดนั้น ตนเองมองว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจบารมีในตลาด ซึ่งสินค้าของตนเองใช้ผลผลิตจากทางชุมชน ทั้งน้ำตาล พริก ที่นำมาผสมในน้ำจิ้ม ตนก็นำมาจากชุมชน อุดหนุนจากชาวบ้านใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ การถูกกลั่นแกล้งครั้งนี้ซึ่งทำให้ชาวสวนที่ตนเองอุดหนุนวัตถุดิบได้รับผลกระทบไปด้วย
น.ส.ธนญาฯ กล่าวต่ออีกว่า ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีความยุติธรรมให้กับแม่ค้าและตนเอง จึงไปยื่นเอกสารร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสส.ในจังหวัด รวมทั้งไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาแต่กลับนิ่งเฉยและไม่มีคำตอบให้กับผู้ร้องแต่อย่างใด ตนเองและแม่ค้าจึงเดินทางมายื่นเอกสารร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความยุติธรรมให้กับแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.ธนญาฯ เจ้าของแฟรนไชส์ กล่าวทิ้งท้าย
No comments:
Post a Comment