รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะ เยือนเวียดนาม เพื่อดูงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด - สำนักข่าวพิมพ์ไทย | www.phimthai.com

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Search This Blog

Monday, November 25, 2024

รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะ เยือนเวียดนาม เพื่อดูงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มอบหมายให้นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย นางสาวพรทิพย์  แจ่มพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 2 นางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ และผู้แทนจากกองสำนักที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการศึกษาดูงานด้านการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 24-วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 (รวมวันเดินทางไป-กลับ) ณ นครโฮจิมินห์ จังหวัดบินห์ถ่วน และจังหวัดหวุงเต่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00–16.00 น. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย นำคณะเดินทางเข้าศึกษาดูงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ หน่วยยามฝั่งเวียดนาม ภาค 3 (Viet Nam Coast Guard Region 3) จังหวัดหวุงเต่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยพันเอกอาวุโส เหวียน ดึ๊ก เฮียว (Senior Colonel Nguyen Duc Hieu) รองผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ภาค 3 และคณะให้การต้อนรับ ทั้งนี้ หน่วยยามฝั่งเวียดนาม (Viet Nam Coast Guard) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 โดยการยกระดับจากกรมตำรวจน้ำเวียดนาม (Vietnam Marine Police) สู่การเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลในรูปแบบกึ่งทหาร ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหม มีภารกิจสำคัญ ได้แก่ การปกป้องผลประโยชน์ของรัฐและสิทธิอธิปไตยในน่านน้ำเวียดนาม การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด เช่น การกระทำอันเป็นโจรสลัด การลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด และอาชญากรรมทางทะเลอื่นๆ ซึ่งหน่วยยามฝั่งเวียดนามแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 4 ภาค ครอบคลุมความยาวชายฝั่งกว่า 3,400 กิโลเมตร ได้แก่ พื้นที่น่านน้ำทางทะเลในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ (ด้านติดกับอ่าวไทย) หน่วยงานนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญของรัฐบาลเวียดนาม ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่น และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านงบประมาณและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับภารกิจในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ทางการค้าและความมั่นคงที่สำคัญระดับโลก
สำหรับประเด็นด้านยาเสพติด รองผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ภาค 3 กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา อาชญากรรมยาเสพติดทางทะเลมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น โดยพบการใช้เส้นทางทะเลในการลักลอบขนส่งยาเสพติดและเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการที่เวียดนามมีชายฝั่งทะเลยาว และน่านน้ำในทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ทำให้เกิดความท้าทายในการป้องกันอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนส่งยาเสพติด โดยเฉพาะในพื้นที่น่านน้ำทางภาคใต้ของประเทศ บริเวณใกล้กับนครโฮจิมินห์ และพื้นที่ต่อเนื่องกับน่านน้ำของกัมพูชาและไทย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยยามฝั่งภาค 3 และ 4 ถือเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการลักลอบขนส่งยาเสพติด โดยพบว่าเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวจีนและไต้หวันมักเปิดกิจการค้าขายยาและเวชภัณฑ์เพื่ออำพรางการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังพบการลำเลียงยาเสพติดรูปแบบใหม่ โดยนักค้ายาเสพติดจะนำยาเสพติดทิ้งลงในทะเลและแจ้งพิกัดให้เรือลำอื่นมารับยาเสพติดดังกล่าวเพื่อนำไปขนส่งต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หน่วยยามฝั่งเวียดนามได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติด กองทัพเรือ และกรมศุลกากร ในการเข้าตรวจยึดและจับกุมยาเสพติดในคดีสำคัญ อาทิ กรณี ปี 2566 : จับกุมนักค้ายาเสพติดเป้าหมายชาวไต้หวัน พร้อมตรวจยึดเคตามีน 1.3 ตัน โดยมีการเปิดบริษัทผลิตยาและเวชภัณฑ์เพื่ออำพรางและสั่งซื้อเคมีภัณฑ์ตั้งต้นสำหรับผลิตยาเสพติด เพื่อนำเข้าไปยังแหล่งผลิตในพื้นที่ สปป.ลาว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเคยลักลอบนำเข้าเคตามีน 500 กิโลกรัมเข้าไปยัง สปป.ลาว ทั้งนี้เสนอส่งเสริมความร่วมมือกับ สนง.ป.ป.ส. และฝ่ายไทยใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านยาเสพติด,2.เสนอแนวทางการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,3.ความร่วมมือในการลาดตระเวนทางทะเลเพื่อตรวจตราการกระทำผิดในคดียาเสพติด และ 4.การเพิ่มความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติดเป้าหมายที่ก่ออาชญากรรมทางทะเลต่อไป
ในโอกาสนี้ ผอ.ปปส. ภาค 2 ได้ร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์และรูปแบบการกระทำความผิดการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางทะเล เพื่อหารือส่งเสริม แนวทางความร่วมมือระหว่างกัน โดย นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวสรุปถึงสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน โดยชี้ให้เห็นว่าทั้งไทยและเวียดนามต่างประสบปัญหาการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงการลักลอบนำเคมีภัณฑ์เข้าสู่แหล่งผลิต นอกจากนี้ ยังพบการใช้เส้นทางลำเลียงยาเสพติดทางทะเลเพิ่มมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทั้งในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย ทะเลอันดามัน และทะเลจีนใต้ โดยมีการตรวจยึดยาเสพติดจำนวนมากขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค อีกทั้งยังพบกรณีที่ยาเสพติดลอยมาติดชายฝั่ง ซึ่งเป็นผลจากเรือขนส่งยาเสพติดที่ล่มกลางทะเล ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะสำนักงาน ป.ป.ส. และกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดของเวียดนาม มีความร่วมมือใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยเฉพาะในด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทางทะเล ซึ่งมีการประสานงานผ่านกลไกการสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force – SITF) และการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของไทย เช่น ตำรวจน้ำ กองทัพเรือ กรมศุลกากร และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ซึ่ง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้กล่าวชื่นชมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยยามฝั่งเวียดนามกับ ศรชล. ภายใต้การจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งถือเป็นกรอบความร่วมมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานระหว่างทั้งสองประเทศและทำงานร่วมกันตามที่ทางฝ่ายเวียดนามเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาตพร้อมเน้นย้ำว่า หัวใจสำคัญของการทำงานด้านสืบสวนและปราบปรามยาเสพติด คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารร่วมกัน โดยการศึกษาดูงานที่หน่วยยามฝั่งเวียดนาม ภาค 3 ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันในอนาคต โดยฝ่ายไทยมี นายธนพล ธนิกกุล อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติด ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย เป็นผู้ประสานงานในเรื่องดังกล่าวกับฝ่ายเวียดนาม นอกจากนี้ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ยังยืนยันถึงความพร้อมของฝ่ายไทยในการสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ด้านปราบปรามยาเสพติด ผ่านการจัดฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในโอกาสนี้ รองผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ภาค 3 ได้กล่าวขอบคุณรองเลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะผู้แทนไทยที่ให้เกียรติมาเยี่ยมชมและร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในวันนี้ และหวังว่าจะได้พัฒนาความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดร่วมกันอย่างต่อเนื่องในอนาคต
หลังจากนั้นในเวลา 18.30 น. ณ นครโฮจิมินห์ พันตำรวจเอกอาวุโส ฮว่าง ทัม เฮียว (Pol.Sr.Col. Hoang Tam Hieu) รองอธิบดีกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติด และคณะผู้แทนฝ่ายเวียดนาม ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำรับรองคณะผู้แทนไทย ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือความร่วมมือร่วมกันสรุปได้ดังนี้ (1) ฝ่ายเวียดนามขอขอบคุณความร่วมมืออันยาวนานกับประเทศไทย ซึ่งได้สร้างความใกล้ชิดในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีล่าสุดที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจากเวียดนามในประเทศไทยได้สำเร็จ (2) ฝ่ายเวียดนามแจ้งว่าขณะนี้กรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดอยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารสำนักงาน โดยจะได้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศไทยภายใต้โครงการ LOA ในกรอบโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย ซึ่งฝ่ายเวียดนามชื่นชมบทบาทและการดำเนินการของฝ่ายไทยในการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวและยินดีที่จะให้การสนับสนุนต่อไป และเมื่อการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่เสร็จสมบูรณ์ ฝ่ายเวียดนามจะพิจารณาเรียนเชิญผู้แทนระหว่างประเทศรวมถึงผู้แทนไทย เข้าร่วมในพิธีเปิดต่อไป (3) สำหรับการดำเนินโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย ฝ่ายเวียดนามยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพในอนาคต โดยยึดหลักการการแบ่งปันความรับผิดชอบ เช่นเดียวกัน โดยอาจจะดำเนินการหลังจากกัมพูชาที่จะได้แสดงเจตนารมณ์ในการเป็นเจ้าภาพไว้ก่อนหน้า และ (4) ฝ่ายเวียดนามเห็นว่า โครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อการเรียนรู้ด้านภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งผู้แทนไปศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจของไทย เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยช่วยเพิ่มทักษะด้านการสื่อสารและความเข้าใจระหว่างกัน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือในด้านการปฏิบัติงานร่วมกันในอนาคต ซึ่งฝ่ายเวียดนามหวังว่าจะมีการสนับสนุนโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรปฏิบัติงานระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ทัั้งสองฝ่าย ยังได้เห็นชอบในหลักการเบื้องต้นสำหรับการจัดการประชุมทวิภาคีด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่างสองประเทศ ในห้วงเดือนกันยายน 2568 ณ เมืองซาปา จังหวัดเล่าห์กาย ต่อไป

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages