ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนสืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท และ สน.โชคชัยว่าได้ถูกแกงค์ชาวญี่ปุ่นเถื่อน 3 คน ร่วมกันอุ้มพาไปเข้าเซฟเฮ้าส์ลับ ก่อนรีดเงิน 300,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการวิ่งเต้นทำวีซ่าที่ด่านปอยเปต ซึ่งทางผู้เสียหายมีเงินไม่พอ จ่ายเงินไปให้กับกลุ่มคนร้ายไปได้เพียง 135,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหายังไม่พอใจได้พาตัวผู้เสียหายไปบริเวณทุ่งหญ้าทำทีข่มขู่จะฆ่าหมกป่า ก่อนจะพาตัวไปกักขังไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถ.เกษตรนวมินทร์ ลงมือซ้อมผู้เสียหาย “ตลอดคืน” ก่อนบังคับให้ผู้เสียหายกินอุนจิเพื่อรีดเงินเพิ่มเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์
รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5,พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2,ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น.,ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.,ร.ต.ท.เลิศวริศเลิศวรปรีชา รอง สว.ฝทว.7 ทว.,ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง,ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2
บก.อก.สทส. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.
ร่วมกันสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว นายนิกิ (NIKI) อายุ 45 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5034/2567 ลงวันที่ 17 ต.ค.2567 ข้อหา “รวมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่น” และ นายโทมิกิ (TOMIKI) อายุ 26 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5036/2567 ลงวันที่ 17 ต.ค.2567 ข้อหา “รวมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่น” โดยจับกุมตัวได้ที่ บ้านเคียงน้ำ รีสอร์ท ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจยึดเงินสด จำนวน 179,000 บาท และของกลางในคดีรายละเอียดดังนี้ อุปกรณ์เสพกัญชาแบบบ้อง สีดำ 1 อันห้อง B5 นายนิกิ,อุปกรณ์เสพกัญชาแบบบ้อง สีใส 1 อัน ห้อง B5 นายนิกิ,อุปกรณ์เสพกัญชาแบบบ้อง 1 อันห้อง B5 นายนิกิ,ที่บดกัญชา 1 อัน ห้อง B5 นายนิกิ,ถาดใส่กัญชา 1 อัน ห้อง B5 นายนิกิ,ธนบัตรไทย 1,000 บาท 100 ฉบับ ห้อง B5 นายนิกิ รวม 179,000 บาท,ธนบัตรไทย 1,000 บาท 35 ฉบับ ห้อง B5 ฃ นายนิกิ,ธนบัตรไทย 1,000 บาท 44 ฉบับ ห้อง B6 นายโทมิกิ,โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 12 สีดำ 1 เครื่อง ห้อง B6 นายโทมิกิ,โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 13 PRO สีดำ 1 เครื่องห้อง B5 นายนิกิ,โทรศัพท์มือถือ Galaxy A14 สีน้ำเงิน 1 เครื่อง ห้อง B6 นายโทมิกิ,ไอแพด pro 1 เครื่อง,ไอแพด 1 เครื่อง,สมุดเช็ค ธ.ออมสิน 1 ฉบับ,สมุดเช็ค ธ.ไทยพานิชย์ 1 ฉบับ และ กระเป๋า Gucci สีดำ 1 ใบพฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท และ สน.โชคชัย ว่าได้ถูกขบวนการเถื่อน 3 คน ร่วมกันอุ้มพาไปเข้าเซฟเฮ้าส์ลับ ก่อนรีดเงิน 300,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการวิ่งเต้นทำวีซ่าที่ด่านปอยเปต ซึ่งทางผู้เสียหายมีเงินไม่พอ จ่ายเงินไปให้กับกลุ่มคนร้ายไปได้เพียง 135,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหายังไม่พอใจได้พาตัวผู้เสียหายไปบริเวณทุ่งหญ้าทำทีข่มขู่จะฆ่าหมกป่า ก่อนจะพาตัวไปกักขังไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถ.เกษตรนวมินทร์ ลงมือซ้อมผู้เสียหาย “ตลอดคืน” ก่อนบังคับให้ผู้เสียหายกินอุจจาระเพื่อรีดเงินเพิ่ม โชคเข้าข้างที่ผู้เสียหายอาศัยจังหวะที่กลุ่มผู้ต้องหาเผลอติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้แจ้งความที่ สน.โชคชัย และ สน.พญาไท (เหตุต่อเนื่อง) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คือ 1.นายนิกิ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี สัญชาติญี่ปุ่น,2.นายโทมิกิ(สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สัญชาติญี่ปุ่น และ 3.นายเปา (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 35 ปี สัญชาติไทย และยังสืบทราบพฤติกรรมโฉดของกลุ่มคนร้ายอีกว่าเคยก่อเหตุสาวหมัดคู่กรณีบนโรงพักกลางวันแสกๆ ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ซึ่งต่อมา นายเปา ผู้ต้องหาชาวไทยได้ถูกจับกุมตัวในเวลาต่อมา แต่ทว่าผู้ร่วมขบวนการชาวญี่ปุ่นอีก 2 รายยังคงลอยนวล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำทีมชุดสืบนครบาลลงพื้นที่ติดตามไล่ล่า โดยสืบทราบว่า นายนิกิฯ มักมีพฤติกรรมชอบเสพกัญชาโดยเฉพาะกัญชาสูตร “3king” กล่าวคือเป็นการผสมกัญชาตัวท็อป 3 ชนิด และได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่น 2 หลบหนีไปกบดาลตามรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงได้นำกำลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบ โดยคราแรกเจ้าหน้าที่หาไม่พบ แต่ทว่าได้กลิ่นกัญชาเตะจมูกชุดสืบสวนมาแต่ไกล จึงได้ตามรอยกลิ่นไปกระทั่งพบห้องต้องสงสัย 2 ห้องติดกัน ซึ่งเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็จึงพบคนร้ายทั้ง 2 คน จึงสามารถควบคุมตัวไว้ได้ จากการตรวจค้นพบอุปกรณ์การเสพกัญชา และเงินสดของนายนิกิฯ จำนวน 130,000 บาท จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และจากการขยายผลในชั้นจับกุมพบว่า นายนิกิฯ มีความสนิทสนมกับนายเปา (ผู้ร่วมก่อเหตุชาวไทย) มีการให้เงินกับนายเปาไปแล้วหลายร้อยล้านบาทในชั้นจับกุม นายนิกิฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น และยืนยันว่าไม่ได้บังคับให้ผู้เสียหายกินขี้ และไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำร้ายร่างกายด้วย ที่หลบหนีเพราะทนาย สั่งให้ตนหลบหนี ตนยอมรับว่าชอบประเทศไทยมากเพราะตอนที่ตนเองอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเคยถูกจับเรื่องกัญชามาแล้วกว่า 4 ครั้ง จึงหอบเงิน 1 พันล้านเยนมาที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยเพราะอยากเสพกัญชา และคนไทยน่ารัก ปัจจุบันตนทำธุรกิจกัญชา และธุรกิจขนส่งข้ามประเทศ โดยตนได้รู้จักกับนายเปาจากร้านกัญชาแห่งหนึ่ง แล้วตัดสินใจร่วมลงทุนต่างๆตามคำแนะนำของนายเปา ซึ่งรวมแล้วได้ให้เงินนายเปาไปทั้งหมด 135 ล้านบาทจนตอนนี้เริ่มจะบางอ้อแล้วว่าน่าจะถูกนายเปาหลอกสูบเลือดสูบเนื้อตน ปัจจุบันนายเปาก็เข้าไปอยู่อาศัยในบ้านของตนเองละแวกนวลจันทร์ ส่วนตนเองก็หลบหนีคดีไปอยู่ตามรีสอร์ทในพื้นที่ต่างจังหวัด”พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการพฤติการณ์ก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายถือว่า อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และยังส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งการขยายผลเราได้ข้อมูลว่าคนร้ายชาวญี่ปุ่น 2 รายนี้มาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยแล้วประกอบอาชีพขายกัญชา และยังทำธุรกิจการขนส่งไปยังประเทศต่างแดน และมีเงินหมุนเวียนในขบวนการหลายร้อยล้านบาท ทำให้ต้องตั้งข้อสังเกตไปถึงธุรกิจที่ผิดกฎหมาย หลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด และขอประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยว พี่น้องประชาชน ผู้ใดเคยถูกกลุ่มผู้ต้องหารายนี้กระทำสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.” หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีต่อไป
No comments:
Post a Comment