สวทช. เปลี่ยนขยะอินทรีย์เป็น “ปุ๋ยหมักชีวภาพ” ลด CO2 นำร่องสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ - สำนักข่าวพิมพ์ไทย | www.phimthai.com

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Search This Blog

Sunday, February 2, 2025

สวทช. เปลี่ยนขยะอินทรีย์เป็น “ปุ๋ยหมักชีวภาพ” ลด CO2 นำร่องสระบุรีแซนด์บ็อกซ์

นักวิจัยจากนาโนเทค สวทช. พัฒนาเครื่องย่อยระบบถังคู่ (BioComposter) พร้อมใบพัดที่ออกแบบให้เร่งกระบวนการย่อยสลาย ตัวช่วยเปลี่ยน “ขยะอินทรีย์” ไม่ว่าจะเป็นของเหลือทางการเกษตร หรือขยะเศษอาหาร สู่ “ปุ๋ยหมักชีวภาพ” เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในครัวเรือน พร้อมจับมือไบโอเทค พัฒนาหัวเชื้อจุลินทรีย์เฉพาะสำหรับขยะอินทรีย์ในไทย ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย เตรียมนำร่องทดสอบ ณ สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ หนุนลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากขยะอินทรีย์ที่มาจากขยะอาหารและวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ต้นตอภาวะโลกร้อน-ฝุ่น PM2.5
ดร.สัญชัย คูบูรณ์ นักวิจัยจากทีมวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยา กลุ่มวิจัยการเร่งปฏิกิริยาระดับนาโน การดูดซับ และการคำนวณ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า เครื่อง BioComposter ระบบถังคู่ขนาด 5–10 กิโลกรัม ใช้สำหรับการทำปุ๋ยหมักชีวภาพระดับครัวเรือน เป็นโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่มาจากขยะอาหาร และลดการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร นำไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจกต้นตอของภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะก๊าซมีเทน (CH4) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และยังช่วยลดฝุ่น PM2.5 อีกด้วย
โครงการดังกล่าว เป็น 1 ใน 19 โครงการนำร่องของ สวทช. ในการตอบโจทย์สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของสระบุรี ที่ สวทช. ร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงานขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายพลังงานขับเคลื่อนให้เกิด ‘สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์’ จังหวัดต้นแบบที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในระยะเวลา 4 ปี
“การลดก๊าซเรือนกระจกสามารถทำได้หลายรูปแบบ อาทิ การใช้ถ่านชีวภาพเพื่อลดการใช้ถ่านหิน ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสำหรับปุ๋ยหมักชีวภาพ จะเป็นการใช้ วทน. เปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้กลายเป็นปุ๋ยใส่กลับเข้าไปกักเก็บในดิน ที่ตอบโจทย์ของสระบุรี ซึ่งมีขยะอินทรีย์ที่ต้องบริหารจัดการ 2 แบบ คือ ชีวมวลเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มีมากในพื้นที่นั้น และขยะอาหาร” ดร. สัญชัย กล่าว 
เครื่อง BioComposter ระบบถังคู่ ใช้สำหรับการทำปุ๋ยหมักชีวภาพระดับครัวเรือน ตอบโจทย์สำหรับขยะอินทรีย์ ทั้งเศษอาหารจากครัวเรือน รวมถึงชีวมวลเหลือทิ้งทางการเกษตร โดยทีมวิจัยนาโนเทค สวทช. ออกแบบตัวเครื่องระบบถังคู่ที่ถังหลัก (Primary Tank) ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะกับการทำงาน ของจุลินทรีย์ ในขณะที่ถังรอง (Secondary Tank) มีหน้าที่ลดความชื้นของปุ๋ยหมักชีวภาพให้เหมาะสำหรับการ นำไปใช้งาน นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับทีมวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ในการพัฒนาหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความจำเพาะในการย่อยสลายขยะอินทรีย์ในประเทศไทย โดยช่วยให้ปุ๋ยหมักชีวภาพที่เป็นผลผลิตจากกระบวนการดังกล่าวนี้ มีธาตุอาหารที่สำคัญเพิ่มขึ้น และสามารถยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคได้อีกด้วย
การทำงานของเครื่อง BioComposter เริ่มจากใส่ขยะอินทรีย์ลงในถัง Primary Tank โดยใช้อุณหภูมิไม่เกิน 50 องศาเซลเซียสในการกระตุ้นจุลินทรีย์ จากนั้นปุ๋ยหมักชีวภาพจะถูกย้าย ลงไปในถัง Secondary Tank เพื่อทำให้ปุ๋ยหมักชีวภาพแห้งและพร้อมใช้งาน กระบวนการนี้จะใช้เวลา 3-7 วัน
“ปัจจุบัน ต้นแบบเครื่อง BioComposter แล้วเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการติดตั้งเพื่อทดลองใช้งานในพื้นที่โรงเรียนวัดส้มป่อย อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยขยะเศษอาหารในโรงเรียนอยู่ที่วันละ 3-5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักเปียก นอกจากนี้ ในพื้นที่ละแวกโรงเรียน จะมีชีวมวลจากการทำนาข้าว การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการปลูกอ้อยปริมาณมาก ซึ่งในเบื้องต้น ทีมวิจัยตั้งเป้าลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทน 30-50% ของการปลดปล่อยในพื้นที่ ซึ่งอ้างอิงจากผลการใช้ Biocomposter ที่มีการรายงานในบทความวิชาการก่อนหน้า ว่าสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนออกสู่บรรยากาศได้จริง” ดร. สัญชัยเผย ทีมวิจัยคาดหวังให้คุณครูและนักเรียนเข้าใจและสามารถใช้เครื่องฯ ในการเปลี่ยนขยะเศษอาหารและของเหลือทางการเกษตรในพื้นที่เป็นปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อใช้งานในพื้นที่การเกษตรของโรงเรียน รวมถึงเป็นกลุ่มคนที่จะเป็นกระบอกเสียง ส่งต่อความรู้และการใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อลดขยะอินทรีย์ในชุมชนที่กว้างขึ้นต่อไป รวมถึงหากประสบความสำเร็จจะต่อยอดพื้นที่ใช้ประโยชน์สู่โรงเรียนและสถานที่อื่นๆ ต่อไป เป็นการนำ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ตอบโจทย์สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ที่ร่วมกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนให้เกิดเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย ปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ร่วม เร่ง เปลี่ยน” สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
จากชีวมวลเหลือทิ้งทางการเกษตร รวมถึงขยะอาหาร ทั้งอาหารที่ถูกคัดทิ้ง, อาหารเหลือทิ้ง หรืออาหารที่เสื่อมสภาพ ซึ่งอาหารเหล่านี้ ถ้าคำนวณจากขยะอาหารที่ถูกทิ้งทั่วโลก พบว่า มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 8% นอกจากนี้ หากนำอาหารมาเปลี่ยนเป็นปุ๋ยด้วยกระบวนการย่อยสลายที่เกิดจากการหมัก ก่อให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน รวมถึงเป็นแหล่งเชื้อโรค และกลิ่นเหม็น รบกวน การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ ไม่เพียงช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้ยังช่วยลดต้นตอของฝุ่น PM2.5 ที่มาจากการเผาชีวมวลและการจัดการขยะอินทรีย์แบบเดิม แต่ยังสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านการจัดการขยะอินทรีย์และชีวมวลเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายเมืองคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนาโนเทคและไบโอเทค สวทช. ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เพื่อสร้างความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทยต่อไป





No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages