ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยภาคี แถลงจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า 5 แสนเม็ด ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย - สำนักข่าวพิมพ์ไทย | www.phimthai.com

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Search This Blog

Monday, May 26, 2025

ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยภาคี แถลงจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า 5 แสนเม็ด ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์ปฏิบัติการ ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ส. : พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย แถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหา 2 ราย (บุคคลหลบหนี 4 ราย) พร้อมยาบ้า 500,000 เม็ด เหตุเกิดที่ อ.เมืองเชียงราย ต่อเนื่อง อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ซึ่งผู้ต้องหาเป็นบุคคลในเครือข่ายของนักค้ายาเสพติดอดีตผู้ต้องขัง ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อต้นเดือนเมษายน 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบบุคคลต้องสงสัย ชาว จ.สระแก้ว มาเปิดห้องพักในพื้นที่ จ.เชียงราย หลังจากเช็คเอ้าท์ เมื่อตรวจสอบห้องพักจึงพบกระสอบเปล่า ซึ่งมีกลิ่นยาบ้าถูกวางไว้ภายในห้องน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบและขยายผล จากการสืบสวนขยายผลพบว่า หัวหน้าขบวนการเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่เพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติด (ปี 2567) จากนั้น ต้นปี 2568 มาจดทะเบียนเปิดบริษัทส่งพัสดุภัณฑ์ สาขา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย (ประเภทร้านรับฝากสินค้า จำนวน 10 ชิ้น/วัน) โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขนส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดของเครือข่ายเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยไปรับยาเสพติดในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
ต่อมาตนจึงมอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการชุดปฏิบัติการ ขยายผลการสืบสวนเครือข่ายดังกล่าว โดยบรูณาการร่วมกับ หน่วยบังคับใช้กฎหมาย (ตำรวจ,ทหาร) ได้แก่ สำนักปราบปรามยาเสพติด,สำนักงาน ปปส.ภ.2,สำนักงาน ปปส.ภ.7,ภ.จ.เชียงราย,ศอ.ปส.ภ.5,นบ.ยส.35, สภ.เวียงป่าเป้า,สภ.แม่สรวย,ศขย.ฝขว.ศปก.ทบ.,เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จ.สระแก้ว, สภ.วัฒนานคร,สภ.สุพรรณบุรี,ศอ.ปส.ทร.,ศอ.ปส.ทอ. และ ศอ.ปส.ทท. ติดตามพฤติการณ์กระทั่งพบว่า วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 บุคคลในเครือข่ายดังกล่าวเข้ามาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ต้องสงสัยว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน เตรียมขับออกจากโรงแรมที่พัก ในลักษณะขับติดตามกัน (รถนำ-รถลำเลียง) จึงแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย พร้อมยาบ้า 500,000 เม็ด (ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ) วางอยู่ภายในรถยนต์ ส่วนรถยนต์อีก 1 คัน พร้อมบุคคล จำนวน 4 ราย (หลบหนี) จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นพื้นที่รวม 4 จุด (จ.เชียงราย 2 จุด,จ.สระแก้ว 1 จุด,จ.สุพรรณบุรี 1 จุด) ผลการตรวจค้น ไม่พบตัวผู้หลบหนี ไม่พบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย แต่ตรวจยึดเอกสารมาเพื่อตรวจสอบ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ไปรับยาเสพติดที่บนเขา ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากนั้นนำยาเสพติดบรรจุในกระเป๋าเดินทาง เพื่อรอคำสั่งจากผู้สั่งการ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 6,000-20,000 บาท ลำเลียงโดยใช้รถทัวร์โดยสาร ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ลำเลียงยาบ้า 500,000 เม็ด ไปส่งในพื้นที่ อ.รังสิต จ.ปทุมธานี ครั้งที่ 2 เมษายน 2568 ลำเลียงยาบ้า 1 กระสอบ ไปส่งในพื้นที่ จ.สระแก้ว และครั้งที่ 3 พฤษภาคม 2568 ครั้งที่ถูกจับกุม
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ในส่วนของ สำนักงาน ป.ป.ส. มีมาตรการป้องกันในสถานประกอบการเกี่ยวกับระบบขนส่งโลจิสติกส์ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันพบว่าการกระจายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เอกชน เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมใช้ในการนำส่งยาเสพติดไปยังผู้รับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ โดยได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนส่งสินค้าหรือพัสดุให้เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบและบันทึกรายละเอียดของผู้ส่งหรือผู้ฝากส่งสินค้าหรือพัสดุ ให้มีการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด เพื่อหากมีการจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว จะทำให้สามารถระบุตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในการส่งยาเสพติดได้อย่างถูกต้องชัดเจนทุกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ขอให้ผู้ประกอบการควบคุม ดูแลไม่ให้พนักงานหรือบุคคลภายนอกมั่วสุมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด คัดเลือกพนักงาน และบันทึกประวัติพนักงานไว้เสมอ ให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูล ข่าวสาร หรือพฤติการณ์กับเจ้าหน้าที่เมื่อพบว่ามีการกระทำความผิดในสถานประกอบการ และหากผู้ประกอบการปล่อยปะละเลยหรือฝ่าฝืนมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการของตน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือสั่งปิดสถานประกอบการชั่วคราว หรือสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการ หรือหากผู้ประกอบการมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเสียเองก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีดังกล่าว ในส่วนของสถานประกอบการ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ใช้อำนาจสั่งปิดกิจการ และได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังบริษัทที่ควบคุมการจดทะเบียน ให้ตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่มาขอเปิดบริษัทสาขา รวมทั้งมาตรฐานของสถานที่ทำการ ความเข้มงวดในการตรวจสอบพัสดุก่อนดำเนินการจัดส่ง และในทางการสืบสวนขยายผล ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีทั้งหมดแล้ว เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป










No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages