เส้นทางแห่งปัญญา : ประสบการณ์วิจัยและบทเรียน จาก “นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ” สู่ “คนรุ่นใหม่” - สำนักข่าวพิมพ์ไทย | www.phimthai.com

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Search This Blog

Wednesday, December 31, 2025

เส้นทางแห่งปัญญา : ประสบการณ์วิจัยและบทเรียน จาก “นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ” สู่ “คนรุ่นใหม่”

“นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ” เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการยกย่องเชิดชูเกียรติ นักวิจัยไทยที่อุทิศตน ทุ่มเททำงานวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ ก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งด้านวิชาการ เศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักวิจัยรุ่นใหม่ ได้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของการทำงานวิจัย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

เส้นทางของผู้ที่ได้รับรางวัล “นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ” ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องใช้ทั้งเวลาและแรงกายแรงใจในการสร้างองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร กว่าผลงานจะประสบความสำเร็จ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ต้องผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ มากมาย ซึ่งประสบการณ์วิจัยรวมถึงบทเรียนต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อนักวิจัยรุ่นใหม่  

ล่าสุด ... สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดเสวนา “เส้นทางแห่งปัญญา: ประสบการณ์วิจัยและบทเรียนที่อยากส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่” ขึ้น ภายในงานแถลงข่าวการจัดงาน “วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2569” เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในเส้นทางการวิจัยของนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ที่มีบทบาทและความสำคัญ ในการขับเคลื่อนทั้งด้านการศึกษา สังคม และการพัฒนาประเทศ แต่ละท่านให้ทัศนะผ่านงานเสวนาได้อย่างน่าสนใจ

ศาสตราจารย์วิจัย ดร.เจตสุมน ประจำศรี จากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไข้มาลาเรีย บอกว่า ทำงานวิจัยนี้มากว่า 40 ปัจจุบันทีมวิจัย ได้พัฒนาวัคซีน mRNA สำหรับต้านเชื้อไข้มาลาเรียพีวี ที่พบมากในภูมิภาคเอเชีย โดยอยู่ในช่วงการทดลองก่อนที่จะนำไปทดสอบในมนุษย์จริง หากประสบความสำเร็จตามแผน ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะสามารถทดลองในมนุษย์ได้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “ความท้าทายของงานวิจัยนี้ จะเป็นเรื่องความเข้าใจชีววิทยาของเชื้อมาลาเรีย ซึ่งเป็นโมเดลที่ทำได้ยาก และต้องทำจากเชื้อที่ได้จากคนไข้โดยตรง การมีองค์ความรู้ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยพัฒนาวัคซีนได้เร็วขึ้น ความโชคดี ก็คือประเทศไทยยังมีเชื้อไข้มาลาเรียพีวี ทำให้สามารถทำวิจัยได้เองในประเทศ การได้รับรางวัลในครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจทั้งของตนเองและทีมงาน ซึ่งงานวิจัยกว่า 40 ปีนี้ ไม่สามารถทำคนเดียวได้ สำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่ อยากจะบอกว่า ให้เลือกทำเรื่องที่ชอบแล้วจะสนุกในสิ่งที่ทำ เนื่องจากงานวิจัยเป็นอะไรที่ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และเมื่อทำกับเรื่องโรค จะมีอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นการทำงานวิจัยทางการแพทย์ ต้องชอบจริงๆ จะทำให้เราสนุกที่จะค้นหา เรียนรู้ และไม่ท้อกับสิ่งที่ทำอยู่ ซึ่งต้องมีการตั้งเป้าก่อนกับสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่ชอบ ความยากไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความท้าทายที่ทำให้เราหาทางแก้”
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.วิไล รังสาดทอง จากคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา ซึ่งเชี่ยวชาญการวิจัยด้าน Bio-Circular-Green โดยบูรณาการงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร มีผลงานวิจัยที่โดดเด่น อาทิ การปรับปรุงคุณภาพและผลผลิตของกุ้งแช่เยือกแข็ง เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง การสกัดและเพิ่มมูลค่าเห็ดออกฤทธิ์เชิงยา ฯลฯ กล่าวว่า ในฐานะอาจารย์ที่มีหน้าที่สอนเป็นหลัก การสอนจากตำราอย่างเดียวไม่พอและไม่ทันสมัย งานวิจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพราะจะช่วยพัฒนาตนเอง สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ และยังสร้างเครือข่ายให้กับลูกศิษย์ ทั้งนี้ย้ำว่า งานวิจัยที่ทำ ไม่ควรได้เพียงแค่ Paper หรือการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเท่านั้น แต่ต้องสามารถนำไปใช้ได้จริง และต่อยอดในเชิงธุรกิจได้
ขณะที่ ศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.ปิติ จันทร์วรโชติ จากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการค้นคว้าสารต้านมะเร็งจากสมุนไพรและสารสังเคราะห์ โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและฤทธิ์ทางยา เพื่อสร้างองค์ความรู้สำคัญในการพัฒนาโมเลกุลยาใหม่ ตลอดจนการศึกษาชีววิทยาของเซลล์มะเร็งเพื่อค้นหาและยืนยันโมเลกุลเป้าหมายการออกฤทธิ์ของยามะเร็ง ฯลฯ กล่าวว่า ความเชี่ยวชาญของนักวิจัยจะสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบได้ และหากต้องการให้เกิดความยั่งยืนความเชี่ยวชาญของนักวิจัยจะต้องอยู่ในระดับมาตรฐานที่นานาชาติยอมรับด้วย ขณะเดียวกันการพัฒนาบุคลากรภายในประเทศ ก็อาจจะถึงจุดที่ประเทศไทยจะต้องผลิตนักวิจัยและเทคโนโลยีเองภายในประเทศ แทนที่จะพึ่งพาการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือการเรียนจบจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว
ด้านศาสตราจารย์ ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมวิจัยทางวิศวกรรมไฟฟ้า โดยงานวิจัยที่โดดเด่น คือ การช่วยอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ของประเทศไทย ในยุคที่มีการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีใหม่เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทีมวิจัยสามารถทำวิจัยจนพิสูจน์ได้และตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ทำให้อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์เชื่อมั่น และลงทุนในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน กล่าวว่า“ สำหรับนักวิจัย และน้องๆ ที่จะเข้าสู่การทำงานวิจัยนั้น อยากให้มองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่านักวิจัยทุกคนจะรู้สึกดีใจที่งานวิจัยได้ถูกตีพิมพ์ แต่ความสุขที่แท้จริง คือ เมื่องานวิจัยของเราได้เอาไปใช้จริง และได้เห็นผลของมัน ความสุขครั้งแรกที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิดความ "ติดใจ" และต้องการทำวิจัยต่อไป”
รองศาสตราจารย์ ดร.ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา มีความเชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์และการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ในเขตร้อนชื้น โดยเน้นการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ เทคโนโลยีจีโนม และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพพันธุกรรมของสัตว์เศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาโครงการปรับปรุงพันธุ์ระดับชาติ ฯลฯ กล่าวว่า“ สิ่งที่อยากจะฝากถึงนักวิจัยรุ่นใหม่ ก็คือ เราสามารถทำโจทย์วิจัยที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมและประเทศได้ก่อน แล้วค่อยเอาผลของการตอบโจทย์ปัญหานั้นๆ ไปขยายผลให้คนอื่นได้เรียนรู้ ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ ผมมั่นใจว่าการสร้างผลกระทบจากงานวิจัยจะเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน”
ศาสตราจารย์ ดร.ศิริมล ตรีพงษ์กรุณา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ นักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยทางการเงิน ที่มุ่งมั่นทำให้เกิดระบบการเงินและตลาดทุนที่มีเสถียรภาพ โปร่งใส และยั่งยืน โดยมีการวิจัยหลักๆ อาทิ การส่งเสริมความยั่งยืนของตลาดเงินและตลาดทุน มุ่งเน้นการบริหารจัดการความรับผิดชอบต่อสังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี ฯลฯ กล่าวว่า“ความท้าทาย ของนักวิจัยทางการเงิน คือ การขาดแคลนทุนวิจัย เพราะรายได้ของคณะมักถูกส่งไปสนับสนุนงานด้านวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันการตีพิมพ์ผลงานวิจัยทางด้านสังคมศาสตร์ก็ทำได้ยากมาก มีงานวิจัยบางผลงานที่ใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะได้ตีพิมพ์ การทำงานวิจัยด้านนี้จึงต้องอาศัยความอดทนอย่างมาก ทั้งนี้สิ่งที่จะบอกกับนักวิจัยรุ่นใหม่ คือ อย่ากลัวที่จะตั้งคำถาม คำถามเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างงานวิจัยที่ยิ่งใหญ่ได้ และสิ่งที่ฝากไว้ คือ “ความรู้เพื่อความพอเพียง วิจัยเพื่อยั่งยืน”

นอกจากนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติที่ร่วมเสวนาทั้ง 6 ท่านแล้วยังมีนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2569 ที่ วช.ประกาศรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติ อีก 9 ท่าน รวม 15 ท่านใน 9 สาขา ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ ดร.สุปรีดิ์ พินิจสุนทร จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ศาสตราจารย์ ดร.จักรพงษ์ แก้วขาว จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ในสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ธีระพล ศรีชนะ จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติใน สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช ศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา เศรษฐนันท์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติในสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ และ ศาสตราจารย์ ดร.ชนินทร์ทิรา ณ ถลาง จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติในสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ปังปอนด์ รักอำนวยกิจ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติในสาขาเศรษฐศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ดุษฎี อายุวัฒน์ จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ในสาขาสังคมวิทยา และ ศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ ธีรอำพน จากสถาบันวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์

อย่างไรก็ดีนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ทั้ง 15 ท่าน จะเข้าเฝ้ารับพระราชทานเกียรติบัตรรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ภายในงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2569 ที่ (วช.) จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด "ปลดล็อกประเทศไทยด้วยพลังของสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม" เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพด้านการประดิษฐ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย” โดยงานดังกล่าวจะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมพร้อมใช้ ตลอดจนความก้าวหน้าด้านการประดิษฐ์คิดค้นของประเทศ เพื่อขยายผลและนำไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการขับเคลื่อนประเทศด้วยการวิจัยและนวัตกรรมสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ทั้งนี้ งานวันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2569 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–9 มกราคม 2569 ณ Event Hall 100–104ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้สนใจติดตามรายละเอียด และลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.inventorsdayregis.com/

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages